เพิ่มเพื่อน

ความเห็นใจทำไมถึงจำเป็นในการทำงานแบบไฮบริด

การเป็นผู้จัดการหรือหัวหน้างานที่มีความเข้าใจความต้องการของทีมและสามารถนำพาทีมผ่านพ้นสถานการณ์ที่ยากลำบาก กลายเป็นสิ่งสำคัญมากกว่าที่เคย องค์กรสามารถพัฒนาผู้นำเหล่านี้ได้โดยการส่งเสริมทักษะที่จำเป็นสำหรับความสำเร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเห็นอกเห็นใจ ซึ่งเป็นเครื่องหมายสำคัญของความเป็นผู้นำที่มีความสามารถ

 

เนื่องจากโลกใหม่ของการทำงานแบบไฮบริดที่ทีมต้องพึ่งพาเครื่องมือออนไลน์ ระยะทางระหว่างสมาชิกในทีมที่มีมากขึ้นอาจทำให้การจัดการงานที่ซับซ้อนที่ต้องการการพูดคุยกันอย่างมากเป็นเรื่องที่ท้าทาย

 

สถานการณ์เหล่านี้ทำให้ความเห็นอกเห็นใจกลายเป็นคุณลักษณะที่สำคัญสำหรับผู้นำในทีมไฮบริด เพื่อให้เข้าใจความเห็นอกเห็นใจในที่ทำงานได้ดียิ่งขึ้น มาดูกันว่ามันหมายถึงอะไร และทำไมการมีความเห็นอกเห็นใจจึงสำคัญต่อทีมไฮบริด

ความเห็นอกเห็นใจในที่ทำงานคืออะไร?

ความเห็นอกเห็นใจคือการเข้าใจและเชื่อมโยงกับความคิด ความรู้สึก หรือประสบการณ์ของผู้อื่น บุคคลที่มีความเห็นอกเห็นใจสามารถมองเห็นตัวเองในสถานการณ์ของผู้อื่นและตอบสนองต่อสถานการณ์ของพวกเขาด้วยความเห็นใจ

 

ความเห็นอกเห็นใจช่วยให้พนักงานของคุณสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีและเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน และในที่สุด มันจะช่วยปรับปรุงความสัมพันธ์ในการทำงานและประสิทธิภาพของพนักงานได้

 

รู้จักความแตกต่างระหว่างความเห็นอกเห็นใจและความสงสาร

 

นอกจากนี้ ความเห็นอกเห็นใจแตกต่างจากความสงสาร หลายคนสับสนระหว่างทั้งสองอย่างนี้ ดังนั้นการเรียนรู้ความแตกต่างระหว่างคุณลักษณะทั้งสองจึงเป็นสิ่งสำคัญ

 

โดยพื้นฐานแล้ว ความสงสารหมายถึงเพียงแค่คุณรู้สึกเห็นใจผู้อื่นโดยไม่พยายามที่จะเข้าใจสิ่งต่างๆ จากมุมมองของพวกเขา ในขณะที่ความเห็นอกเห็นใจช่วยให้คุณจินตนาการว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์ของพวกเขา และเมื่อพูดถึงการทำงาน ความเห็นอกเห็นใจนั้นมีผลดีต่อการทำงานได้มากกว่าความสงสาร

ทำไมความเห็นอกเห็นใจในการเป็นผู้นำจึงสำคัญต่อทีมไฮบริด?

ผู้นำหรือผู้จัดการที่ให้ความสำคัญกัยคนในทีมนั้นจะช่วยส่งเสริมความเห็นอกเห็นใจ การพึ่งพาอาศัยกัน ความไว้วางใจ และความสัมพันธ์ที่ดีภายในองค์กรของพวกเขาทำให้ทุกคนรู้สึกปลอดภัย มาดูกันว่าสิ่งนี้ส่งผลต่อสถานที่ทำงานอย่างไร

 

จากข้อมูลของกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ในปี 2565 พบว่าคนไทยกว่า 1.5 ล้านคนประสบปัญหาสุขภาพจิต ความท้าทายเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อบริษัทในประเทศไทย

 

การวิจัยในประเทศไทยชี้ให้เห็นว่าทัศนคติเชิงลบต่อผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจิตยังคงแพร่หลายในสังคมไทย การศึกษายังพบว่าลักษณะทางวัฒนธรรมบางอย่าง เช่น การมองว่าปัญหาสุขภาพจิตเป็นเรื่องน่าอับอายของครอบครัว สร้างการตีตรารอบตัวบุคคลที่มีความเจ็บป่วยทางจิต ส่งผลให้ผู้ตอบแบบสอบถาม:

 

– สูญเสียเพื่อนและโอกาสที่ดี

– เผชิญความท้าทายทางการเงิน

– ประสบกับสุขภาพจิตที่แย่ลง

 

ข้อมูลเหล่านี้เป็นการเน้นย้ำว่าความเห็นอกเห็นใจสำคัญแค่ไหนต่อพนักงานที่กำลังประสบปัญหาสุขภาพจิต เมื่อผู้นำเห็นอกเห็นใจกับสถานการณ์ของพวกเขา พนักงานจะรู้สึกว่าตัวเองนั้นได้รับการสนับสนุนและเข้าใจ ซึ่งจะส่งผลให้พวกเขาสามารถทำงานได้ดีที่สุด เปิดใจเกี่ยวกับความยากลำบากของตน และรู้สึกมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับบทบาทของตน

 

ความเห็นอกเห็นใจยังสามารถช่วยให้สภาพจิตใจของพนักงานดีขึ้นและกลับมาทำงานได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดอัตราการลาออกของพนักงาน การขาดงาน และความล้มเหลวในการบรรลุเป้าหมาย ส่งผลให้มีค่าใช้จ่ายน้อยลงและมีผลกำไรมากขึ้น

ผู้นำจะแสดงความเห็นอกเห็นใจในที่ทำงานได้อย่างไร?

การแสดงความเห็นอกเห็นใจในที่ทำงานต้องอาศัยความพยายามจากผู้นำองค์กร นี่คือวิธีที่ผู้นำสามารถแสดงความเห็นอกเห็นใจกับสมาชิกในทีมในช่วงเวลาที่ยากลำบากของพวกเขา

 

สังเกตสัญญาณของภาวะหมดไฟ

 

ภาวะหมดไฟเป็นหนึ่งในความท้าทายที่พนักงานและผู้นำเผชิญในปัจจุบัน ผู้คนที่อยู่ภายใต้ความเครียดทำงานยาวนานกว่าปกติและเส้นแบ่งระหว่างงานกับการใช้ชีวิตนั้นเลือนราง จะทำให้เกิดภาวะหมดไฟได้

 

ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจสามารถป้องกันภาวะหมดไฟ ได้โดยมองหาสัญญาณของการทำงานที่หนักเกินไปในทีมของตน การพูดคุย แคชอัป รายสัปดาห์แบบสั้น ๆ เป็นก้าวแรกที่สำคัญ เพื่อที่จะได้รู้เกี่ยวกับสถานการณ์การทำงานล่าสุดของพนักงงานทุกคน และช่วยพนักงานที่ทำงานหนักเกินไป โดยช่วยจัดการกับปริมาณงานของพวกเขาผ่านการพูดคุยเหล่านี้

 

แสดงให้สมาชิกในทีมเห็นว่าคุณสนใจความต้องการและเป้าหมายของพวกเขา

 

นอกจากนี้ ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจเข้าใจความต้องการและเป้าหมายของพนักงาน และสนับสนุนพวกเขาด้วยเครื่องมือและประสบการณ์ที่จำเป็น ความพยายามเหล่านี้สามารถเพิ่มความผูกพันของพนักงานและสร้างแรงบันดาลใจให้ทีมทำงานได้ดีมากขึ้น และความเห็นอกเห็นใจในที่ทำงานอาจช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพของพนักงานและสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่ดี

 

ยื่นมือช่วยเหลือพนักงานที่มีปัญหาส่วนตัว

 

โลกแห่งการทำงานในปัจจุบันกำลังนำชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวมารวมกัน ด้วยเหตุนี้ ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจควรรับรู้ปัญหาของพนักงานและรับมือกับปัญหาเหล่านั้นควบคู่ไปกับหน้าที่ของพวกเขา นอกจากนี้ ผู้นำเหล่านี้รู้ว่าพวกเขาต้องอยู่เคียงข้างทีมของตัวเองในช่วงเวลาที่ท้าทาย

 

หากคุณเห็นพนักงานกำลังดิ้นรนในการทำงาน  สามรถเปิดใจคุยกันได้แบบตรงไปตรงมา สร้างพื้นที่ปลอดภัยที่พนักงานสามารถแสดงความรู้สึกได้โดยไม่ต้องกลัวการถูกตัดสิน

 

มีความเห็นใจต่อผู้ที่ประสบกับการสูญเสียส่วนตัว

 

ความสัมพันธ์ในการทำงานที่ดีและมิตรภาพนั้นมีความสำคัญต่อพนักงาน ผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยจอร์จเมสันชี้ให้เห็นว่าเพื่อนร่วมงานที่คอยสนับสนุนคนอื่นนั้นมีบทบาทสำคัญต่อสุขภาวะของพนักงาน

 

ผ่านการเป็นผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ ผู้จัดการสามารถพูดคุยและอยู่ตรงนั้นกับสมาชิกในทีมได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพนักงานประสบกับการสูญเสียส่วนตัว ขณะที่สมาชิกในทีมเผชิญกับอุปสรรคนี้ การแสดงความเห็นใจและการสนับสนุนสามารถสร้างความแตกต่างได้อย่างมาก

 

รับฟังสมาชิกในทีมของคุณ

การรับฟังพนักงานของคุณต้องใช้มากกว่าการได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูด คุณต้องเปิดตาและหัวใจกับประสบการณ์ของทีมของคุณด้วย ซึ่งสามารถทำได้โดย:

 

– การใส่ใจต่อภาษากาย น้ำเสียง และอารมณ์ของบุคคลนั้น

– การรับฟังโดยไม่คิดว่าคุณควรพูดอะไรต่อไป

 

ตาและหูที่เปิดกว้าง บวกกับหัวใจที่เปิดกว้าง จะช่วยให้คุณเห็นอกเห็นใจสมาชิกในทีมของคุณในยามที่พวกเขาต้องการได้มากขึ้น

 

เปิดโอกาสให้ทุกคนได้พูดความคิดและความรู้สึกของตัวเอง

 

ผู้นำที่เข้าใจคนอื่นรู้ดีว่า การมีสิ่งรบกวนทำให้การฟังคนอื่นยากขึ้น ผู้ฟังที่ไม่มีสมาธิอาจรู้สึกหงุดหงิดหรือใจร้อน ซึ่งอาจทำให้ผู้พูดไม่กล้าบอกสิ่งที่คิดอยู่

 

เวลาฟังทีมของคุณ อย่ารีบหรือขัดจังหวะ หรือทำเหมือนจะรีบแก้ปัญหาให้ทันที การเข้าใจคนอื่นช่วยให้คุณเปิดโอกาสให้ทุกคนได้แสดงความคิดและความรู้สึกที่มีอยู่ในตอนนั้น

 

เปิดใจรับฟัง

 

ผู้นำที่มีความเข้าใจในผู้อื่นจะเปิดใจและไม่ตัดสินความคิดหรือความรู้สึกของคนอื่น พวกเขาไม่ได้มองว่าความรู้สึกของทีมเป็นสิ่งที่ต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย แต่จะพยายามมองลึกลงไปในความคิดและมุมมองของสมาชิกในทีมแทน ซึ่งช่วยให้เข้าใจประสบการณ์และมุมมองของคนในทีมได้ดียิ่งขึ้น

 

เริ่มจากตัวเอง

 

การแสดงความเข้าใจในผู้อื่นช่วยให้ผู้นำส่งเสริมคุณลักษณะนี้ในองค์กรได้ แต่เพื่อให้เป็นไปได้ ผู้จัดการต้องเริ่มจากตัวเองก่อน

 

ตามที่ ดร.เดชานี กาเนโกดา รองศาสตราจารย์ด้านการจัดการจาก Melbourne Business School กล่าวไว้ว่า ผู้นำที่รู้สึกหมดไฟหรือหมดกำลังใจมักจะมีปัญหาในการเข้าใจผู้อื่น เพราะพวกเขาพยายามรักษาพลังงานของตัวเอง ดร.กาเนโกดาแนะนำว่า “ถ้าคุณอยู่ในสถานการณ์นี้ ลองหยุดพักเพื่อดูแลระดับพลังงานของตัวเอง” คุณสามารถฟื้นฟูพลังงานด้วยกิจกรรมสนุกๆ เช่น การไปเที่ยวสุดสัปดาห์หรือใช้เวลามากขึ้นกับคนที่คุณรัก

สร้างวัฒนธรรมการทำงานที่ดีด้วยความเข้าใจในผู้อื่น

ความเข้าใจในผู้อื่นเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพในสถานที่ทำงานแบบไฮบริด เพราะช่วยให้คุณเข้าใจสิ่งที่คนในทีมกำลังเผชิญและสนับสนุนพวกเขาได้อย่างเหมาะสม การแสดงความเข้าใจในที่ทำงานช่วยให้ทุกคนมีพื้นที่ปลอดภัยในการแสดงความคิดเห็น ซึ่งส่งผลดีต่อการสื่อสาร ความสัมพันธ์ในทีม การรักษาพนักงาน ประสิทธิภาพการทำงาน และความสำเร็จขององค์กร

 

สำหรับวิธีการสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่ดีเพิ่มเติม ลองแวะไปที่บทความอื่น ๆ ของ Sprout ได้เลย

Author Photo

Kris Vega

Website, SEO & Creatives Manager

With 9 years of Creative and Marketing experience, Kris Vega shapes the vision for Sprout Solutions' website, managing its content, design, and strategy to deliver exceptional user experiences.

Scroll to Top